ชุมชนของคุณพร้อมรับมือน้ำท่วมมากแค่ไหน ?
ชุมชนของคุณ พร้อมรับมือน้ำท่วม มากแค่ไหน?
น้ำท่วมไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์อุทกภัย เรามักพบว่า ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยไม่ได้มีการเตรียมความพร้อม เนื่องจากไม่รู้ข้อมูลความเสี่ยง ไม่มีการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าที่ชัดเจน หรือประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่เป็นจริง
การรับมือกับสถานการณ์โดยทั่วไปมักพบว่า มีการช่วยเหลือโดยหน่วยงานต่างๆ เช่น การแจกถุงยังชีพ การบริจาค การอพยพ ฯลฯ แต่มักจะประสบกับอุปสรรคระหว่างปฏิบัติงานมากมาย เช่น ความช่วยเหลือไม่ทั่วถึง หรือไม่ตรงตามความต้องการ โดยเฉพาะผู้ประสบภัยกลุ่มเปราะบาง (คนชรา เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วย ผู้พิการ ฯลฯ) ที่ต้องการความช่วยเหลือแบบเฉพาะ เป็นต้น
การปฏิบัติงานโดยหน่วยกู้ภัย/เจ้าหน้าที่ จากหน่วยงานต่างๆ ก็มักพบอุปสรรค อาทิ ไม่มีข้อมูลความเสี่ยงภัยในพื้นที่ ไม่ทราบจำนวน/ตำแหน่งที่แน่ชัดของผู้ประสบภัย ไม่สามารถประสานงานกับคนในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถประเมินสถานการณ์และเตรียมความช่วยเหลือได้ตรงกับความต้องการ เป็นต้น
พื้นที่ใดมีความเสี่ยงภัยพิบัติ ประชาชนควรได้รับทราบข้อมูลความเสี่ยง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีข้อมูลในระดับพื้นที่ปฏิบัติการ ควรมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าที่มีความเฉพาะเจาะจงเพื่อให้สามารถวางแผนเตรียมความพร้อมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลที่จำเป็น ได้แก่
แผนที่ความเสี่ยงภัย (Disaster Risk map)
เป็นแผนที่ซึ่งระบุข้อมูลความเสี่ยงภัยพิบัติประเภทต่างๆ เช่น พื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินถล่ม แผ่นดินไหว ฯลฯ ได้จากการประเมินความเสี่ยงจากข้อมูลการวิจัย การสำรวจ การวิเคราะห์และคาดการณ์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวางแผนป้องกัน เตรียมความพร้อม การเฝ้าระวัง การแจ้งเตือน การค้นหาและกู้ภัย รวมถึงการชดเชยและเยียวยา ฯลฯ โดยมีการจัดทำทั้งในเชิงวิชาการและแผนที่ทำมือที่มาจากการร่วมกันสำรวจโดยชุมชนและครัวเรือน
แผนที่ความเปราะบาง (Vulnerable Map)
เป็นแผนที่ซึ่งระบุข้อมูลความเปราะบาง ได้แก่ พื้นที่เปราะบาง (เช่น พื้นที่ลุ่มต่ำ ลาดชัน ทางแคบ ทางต่างระดับ ฯลฯ) และกลุ่มเปราะบาง (คนชรา เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วย ผู้พิการ ฯลฯ) เพื่อใช้ประกอบการวางแผนป้องกันเตรียมความพร้อม อพยพ ขนย้าย ค้นหา/กู้ภัย ฯลฯ ชุมชนควรมีการจัดทำและส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือโดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน
แผนชุมชนเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ (Disaster Resilience Plan)
เป็นแผนดำเนินการเพื่อจัดการภัยพิบัติ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดเหตุ ในแผนควรระบุขั้นตอนการดำเนินงาน การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ระยะเวลา ทรัพยากรและงบประมาณที่ต้องใช้ในช่วงเวลาต่างๆ โดยชุมชนควรจัดทำแผนเพื่อให้สามารถจัดการตนเองได้เมื่อเกิดภัยพิบัติและสามารถประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือได้อย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้ชุมชนของคุณพร้อมรับมือน้ำท่วม ได้แก่
ระบบการบริหารจัดการดีที่
ชุมชนที่มีความพร้อมและสามารถรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้จะต้องทำงานอย่างเป็นระบบ มีการแบ่งหน้าที่และพื้นที่รับผิดชอบ มีแผนงาน มีข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน มีอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งาน ฯลฯ
ความร่วมมือของคนในชุมชน
เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชุมชนก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างภัยพิบัติ ชุมชนที่มีอาสาสมัครในชุมชนมาร่วมกันทำงานจะทำให้เกิดทักษะ ประสบการณ์ และความสามัคคี
การสื่อสารข้อมูลความเสี่ยง (Risk communication)
ควรมีการให้ข้อมูลและความรู้ในการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในชุมชน เพื่อให้เกิดความตระหนักในการเตรียมความพร้อม ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเกิดภัย
ตัวอย่างชุมชนที่มีความพร้อมรับมือน้ำท่วม
แนวทางการดำเนินงานในลักษณะข้างต้น อย่างโครงการวิจัยเรื่อง "กระบวนการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติ โดยชุมชนเป็นฐาน" (Community Based Disaster Risk Management: CBDRM) พื้นที่กรณีศึกษา จังหวัดน่าน
โดย ดร.ปัณฑิตา ตันวัฒนะ นักวิจัย สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการบริหารหลักสูตร ความเสี่ยงและการจัดการภัยพิบัติ (Risk and Disaster Management: RDM)
แสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างกระบวนการเพิ่มศักยภาพ (Capacity Building) ให้กับชุมชนในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยได้ ผ่านการจัดทำ
-แผนที่ความเสี่ยงภัย
-แผนที่ความเปราะบาง
-แผนชุมชนปลอดภัยรับมือน้ำท่วม
-การจัดตั้งกองทุนชุมชนเพื่อจัดการภัยพิบัติ
-การจัดตั้งกลุ่มชุมชนอาสารับมือภัยพิบัติ หรือ องค์กรชุมชนเพื่อจัดการภัยพิบัติ (Community Disaster Risk Management Organization: CDRMO)
โดยมุ่งหวังให้เกิดต้นแบบชุมชนที่สามารถบริหารจัดการตนเอง ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถรับมือ จัดการ ลดผลกระทบและฟื้นตัวจากภัยพิบัติ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปเป็นต้นแบบให้กับชุมชนที่สนใจในการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือน้ำท่วมวิธีการหนึ่งที่อาศัยข้อมูลจากชุมชน โดยชุมชน และเพื่อชุมชน
ผลผลิตจากการวิจัยดังกล่าว ทำให้เราได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับชุมชน ในการวางแผนรับมือน้ำท่วมได้เป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น
-แผนที่ความเสี่ยงภัย
โดยมีการแบ่งระดับความเสี่ยงเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ความเสี่ยงสูง (แดง) ความเสี่ยงปานกลาง (ส้ม) และความเสี่ยงต่ำ (เหลือง) โดยประเมินความเสี่ยงภัยจากข้อมูลระดับน้ำที่เคยท่วมในอดีตจากหลักฐานเชิงประจักษ์และข้อมูลทุติยภูมิ ร่วมกับการสำรวจข้อมูลปฐมภูมิประเภท/รูปแบบอาคาร ที่มีความเสี่ยงภัย นอกจากนี้ ยังมีการประชุมระดมสมองกับชุมชนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้การประเมินความเสี่ยงภัยและการยอมรับความเสี่ยงของชุมชนเอง
-แผนที่ความเปราะบาง
โดยมีการระบุตำแหน่งของกลุ่มเปราะบาง (คนชรา เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วย ผู้พิการ ฯลฯ) ที่ต้องการความช่วยเหลือแบบเฉพาะลงในแผนที่ พร้อมระบุข้อมูลสำคัญอื่นๆ เช่น บ้านเลขที่ หมายเลขติดต่อ ฯลฯ เพื่อให้สะดวกในการใช้แผนที่ประกอบการกู้ภัยและการเยียวยา
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ Environmental Research Institute l Chulalongkorn University
ชมคลิปน่าสนใจ
Relate topics
- มาลองสู้กับความเจ็บป่วยทางสังคมสักตั้ง!!
- จดหมายข่าวโครงการประชาสังคมร่วมแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงเมือง (SUCCESS) ฉบับที่ 1 - 10
- ก้าวที่ 1 ของ iMedCare ธุรกิจเพื่อสังคมของสงขลา"
- "แผนผังภูมินิเวศ"
- เครือข่าย SUCCESS เมืองควนลังร่วมงานส้มโอเมืองควนลังปี 2567
- "ทีม iMedCare วิถีผู้ดูแลผู้ป่วยที่บ้าน"
- อังกฤษที่ผมเห็น ตอนที่ 11 - 21
- อังกฤษที่ผมเห็น ตอนที่ 1 - 10
- "iMed@home ระบบกลุ่ม"
- สมัชชาสุขภาพจังหวัดสงขลาชูวาระ "พลิกโฉมพลังพลเมืองสงขลาเพื่อสังคมสุขภาวะที่ยั่งยืน"