ฮีโร่ประจำซอย เขียนโดย ถนอม ขุนเพ็ชร์
Ep.4 ครัวฮาลาลหมื่นกล่อง
“ผมเป็นอิหม่ามมัสยิดหน้าควนนูรุดดีน (หน้าโรงไฟฟ้าควนลัง) คืนวันเสาร์ ฝนตกหนัก มัสยิดเรามีนักเรียนประจำอยู่ราว 30คน มีพี่น้องจากกระบี่ ที่รอจะไปยะลา 30 กว่าคนที่มาพักที่มัสยิด เราก็ทำอาหารเลี้ยง ข้าว 1-2 กระสอบ เลี้ยงคน 60-70 คน ไม่มีปัญหา น้ำขึ้นถึงบันไดมัสยิดแล้วแห้งลงหมด คนที่มาพักกลับกระบี่ไม่ไปยะลา เห็นว่าฝนเริ่มตกหนัก
“วันจันทร์ มีข่าวว่าน้ำจากสะเดามา เลยปรึกษากรรมการมัสยิดบางส่วนว่า น่าจะเปิดครัวฮาลาล เพื่อเลี้ยงอาหาร มติก็ให้เปิดครัว แต่วัตถุดิบไม่มี ไปห้างโลตัส ไข่ไม่มีขายแล้ว ได้ข้าวสาร 5 กิโลมา 20 ถุง ไม่พอแน่นอน ผมก็ติดต่อรอบนอก ที่รัตภูมิได้ไข่มา 380 แผง แถวโคกเมา ข้าวสารพอหาหารถลุยน้ำไปซื้อข้าวสารมา 10 กระสอบ เริ่มทำอาหารตั้งแต่ วันจันทร์ พอวันอังคารน้ำมาเยอะ พี่น้องรู้ว่ามัสยิดเป็นที่สูงก็ขอมาพัก มัสยิดหน้าควน ปกติมีคนมาพักบ่อยอยู่แล้ว แม้ว่าไม่ใช่ช่วงน้ำท่วม ผมก็เปิดอาคารเรียน 4 ชั้นให้คนขึ้นไปอยู่ 30 กว่าคน ส่วนมากมาจากที่ใกล้ ๆ
“วันอังคารเช้า ทำอาหารตามจำนวนคน เรามีนักเรียนประจำ มีคนมาขอพัก รวมแล้วสัก 100 คน แต่ว่าอาหารเริ่มหมด ผมก็บอกกับชาวบ้านว่า ใครมีข้าวสาร แก๊ส ก็ให้เอามารวมที่มัสยิด พี่น้องก็พากันมาช่วยบางคนพาข้าวสารมาถุงสองถุง น้ำปลา น้ำมันมารวมกันทำอาหาร เรามีไข่ 380 แผงเป็นตัวหลักอยู่แล้ว
“วันพุธน้ำใหญ่มา เริ่มมีมูลนิธิ กู้ภัย จะเข้าเมืองก็จะหยุดพักที่มัสยิดนี้ก่อน ผมถามคนทำอาหารว่า จุดแก๊สได้ไหม เขาบอกว่าจุดได้ เราก็ทำครัวเลย เพราะเรารู้แล้วว่ากู้ภัยต้องมาขอจากเรา ครัวเราทำกันหน้ามัสยิด เอาเตา 2 ลูกมาวางให้สูงหุงข้าว พี่น้องอิหม่ามจากเกาะลิบง จากนครศรีธรรมราช จากระนอง จะมาช่วยกู้ภัยน้ำท่วม เขาจะมาพักที่มัสยิด เขาพาเรือมาด้วย แต่ไม่มีอาหารไปแจกกับพี่น้อง ประสานมาว่าให้เราทำอาหาร จะเอาไปแจกครั้งละ 300-400 กล่อง ผมก็เลยประชุมกรรมการว่าในทุกวันต้องมีสต๊อกวันละ 1,000 กล่อง อยู่ตลอด เพื่อให้กู้ภัยมารับหน้ามัสยิด
“วันพุธเราเริ่มทำ ทีมงานทำอาหารลุกแต่ ตี 2 เพราะว่าตอนเช้า กู้ภัยเกาะลิบง บอกว่าจะเข้าเขตสะพานดำ มีรายงานว่า 2-3 วันแล้ว คนไม่ได้กินข้าว ผมก็เลยสั่งว่าในเวลา 7 โมงเช้า ต้องได้ 500 กล่อง โชคดีที่วันพุธเราได้ปลาที่พี่น้องมาบริจาค เป็นปลาทู เอามาล้าง ซาวเกลือ แล้วลงทอดได้เลย เอาไปกินได้ง่ายด้วย ในวันพุธ เวลา 7 โมงเช้าเราทำได้ 700 กล่อง รอกู้ภัยมารับ
“ในวันพุธ-พฤหัส เราทำข้าวได้ถึง 10,000 กล่อง เราสต๊อก ไว้ 1,000 กล่อง ให้สำหรับกู้ภัยอยู่ตลอด ส่วนอื่นเราก็แจกจ่ายให้กับทุกคนที่มารับหน้ามัสยิด มาแจ้งเลย มี 3 คนก็เอาไป 3 กล่อง 5คนเอาไป 5 กล่อง เอาเท่าที่จำนวนคนที่มี แต่ถ้าช่วงไหนสต็อก 1,000 กล่องขาด สมมติว่ากู้ภัยเอาไปแล้ว 500 เหลือ 500 ก็หยุดแจกก่อน ต้องทำให้ครบ 1,000 ก่อน เพราะว่า เมื่อกู้ภัยมารับจะได้ไม่ต้องรอ
“ผม กับนักเรียนศาสนา ชาวบ้าน ทำอาหารกันทั้งวัน ห้าทุ่มก็ยังคนมาขอข้าว วันพุธ น่าสงสารมาก มีคนมายืนสั่นอยู่หน้ามัสยิดบอกว่า ลูกผม เมียผม ไม่ได้กินข้าวมา 3 วันแล้ว เราก็ประกาศเลย โดยเฉพาะช่วงเช้า พุธ พฤหัส ผมจะไม่แจกกับคนที่มาคคอนหน้ามัสยิด เพราะเป็นสต๊อกกู้ภัย คนที่ไม่ได้กินข้าวมา 2-3 วัน เข้ามาแจ้งเลยจะให้ไปก่อน ถ้าไม่ครบ 1,000 กล่องจะไม่แจกก่อน เพราะเป็นของกู้ภัย ที่จะส่งไปยังชุมชนต่างๆ มีเพียงแห่งเดียวที่กู้ภัยไปไม่ได้คือหาดใหญ่ใน เพราะหาทางเข้าไม่ได้ เพราะต้องผ่านคลอง ร.1 น้ำไหลแรงมาก ที่เสียใจอย่างหนึ่ง เราบอกว่าแจกน้ำคนละแพ็ค มีคนเอารถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมาจอด และเวียนมาเอาหลายรอบ ผมก็เลยประชุมกรรมการว่า อย่างนี้ไม่ได้ หากคนมาเอายังเป็นคนหน้าเดิม คนที่ลำบากจริงๆ เขายังไม่ได้ ก็เลยใช้ระบบติดต่อหาดใหญ่ใน อิหม่าม ประธานชุมชน ในละแวกนี้ ให้แจ้ง ส่งตัวแทนมารับ เราก็จะเป็นศูนย์กระจายถุงยังชีพและน้ำ
“วันพฤหัส ความช่วยเหลือเริ่มมา ข้าวสาร 20 กระสอบ วัตถุดิบอาหาร มาจาก อบจ. ภูเก็ต จากอุดรธานี ตรัง หลายจังหวัดมาช่วย หน้ามัสยิดน้ำลดลงแล้ว น้ำขวดที่เขามาบริจาคมีจำนวนมาก เรากระจายความช่วยเหลือ แบ่งคนทำงานเป็นคนแจกจ่ายอาหาร มาช่วยเคลียร์ถุงยังชีพ เพราะบางจังหวัดที่ส่งมา มีมาม่าเป็นกล่อง ไม่ได้ทำมาเป็นชุด เราก็ต้องมาแยกลงถุง เกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยกันทำ หาข้อมูลว่าที่ไหนยังไม่ได้ก็แจกไป น้ำเราแจกไปราว 300 โหล ในแต่ละหมู่บ้าน ยาวไปจนถึงเขตอำเภอบางกล่ำที่สถานี 2 เขตในเมือง ก็เป็นถุงยังชีพ
“ถุงยังชีพเราคุยกันว่า ต้องเคลียร์ให้หมดภายในวันอาทิตย์ และวันอาทิตย์ผมก็นัดชาวบ้านมาช่วยกันกวาดมัสยิด ก็จัดให้คนในละแวกมัสยิดด้วย เพราะมีเสียงบอกว่าอิหม่าม ได้ของมาแล้วแจกให้กับหมู่บ้านอื่นทั้งนั้น ไม่ได้ให้หมู่บ้านตัวเอง ก็มีเสียงวิจารณ์แบบนี้ออกมาด้วย ผมก็เลยบอกว่า ในวันอาทิตย์ชวนพี่น้องทั้งหมดให้มาช่วย แล้วรับถุงยังชีพกลับบ้าน
“ในวันอาทิตย์เราประกาศปิดครัวนับจากวันแรก ที่เราเลี้ยงคือวันเสาร์ ผ่านรอบสัปดาห์มาถึงอาทิตย์ ก็ 8 วันเต็ม หลังจากนั้น ก็จะมีครัวฮาลาล ของ ผวจ.ปัตตานี คือ คุณฟาตีเมาะ มาทำต่ออีก 4 วัน
“ต้อง อัลฮัมดุลิ้ลล่า (ขอบคุณพระเจ้า)มัสยิดเราถูกตัดไฟแค่คืนเดียว น้ำมีใช้ เพราะต่อมาจาก กฟผ.ควนลัง โดยตรง
วันพุธ –พฤหัส คนมากันเต็มมัสยิด เพื่อขอชาร์ตแบตโทรศัพท์ ในหาดใหญ่ไฟดับหมด คนมากก็ต้องจัดระเบียบ ผมก็ต้องประกาศว่า พี่น้องพุทธที่มาแบบขาสั้น ให้รักษาการแต่งกายหน่อยหนึ่ง คือตอนนั้น เราจะห้ามเข้าก็ไม่ได้ เพราะ บางคนก็ติดต่อญาติเขาไม่ได้ เขาก็หาที่ชาร์ตแบต เราก็บอกว่าเข้าได้ แต่รักษามารยาทหน่อยหนึ่ง บริเวณมัสยิดก็ต้องแยกฝั่ง ผู้หญิง ผู้ชาย หลายคนที่เข้าใจ หลังน้ำแห้งแล้ว ผมก็ให้นักเรียนช่วยเคลียร์ห้องน้ำ ให้คนมาใช้ห้องน้ำได้ หลังจากน้ำท่วมมาเป็น 10 วันที่พี่น้องมาอาบน้ำ กันเหมือนห้องน้ำสาธารณะเลย มีคนมาชาร์ตแบต อาบน้ำ เราก็เปิดตลอด24 ชั่วโมง
“การทำอาหารจำนวนมาก ปัญหาอยู่ที่การหาวัตถุดิบ ของหมดจะไปหาที่ไหน โชคดีเราอยู่ใกล้ กฟผ. พอรู้ว่าแหล่งไหนมีวัตถุดิบอาหาร เราจะขอรถสูงๆ ที่ลุยน้ำได้ของ กฟผ. ให้เขาไปเอามาให้ เป็น อัลฮัมดุลิ้ลล่า อย่างหนึ่งเมื่อเราตั้งใจทำ ก็พบว่าเมื่อของหมด อัลเลาะห์จะส่งอย่างอื่นเข้ามาอยู่เรื่อยๆ
“มีรถขายปลากะพงมาเสียอยู่บนเกาะกลางหน้ามัสยิด ตั้งแต่วันจันทร์ เพราะเขาต้องการมาขาย คิดว่าน้ำจะลด ในวันนั้น แต่น้ำรอบใหม่มา รถก็จอดทิ้งไว้ตรงนั้น พอวันอังคารน้ำมาเขาก็โทรมาแจ้งมัสยิดว่าในรถมีปลากะพงอยู่ 3 ลัง ตัวละ 7-8 กิโล มัสยิดสามารถจะนำมาทำเป็นอาหารแจกจ่ายได้ ก็เลยให้คคนไปเอาปลากะพงนั้นแหละมาทำอาหาร เอามทอดทำอาหารกล่อง พอปลากะพงหมด พี่น้องจากสุราษฎร์ธานี เอาปลาทูที่ผ่าแล้ว ประมาณ 1 ตัน เอาเข้ามา มีคนสงสัยว่าทำอย่างไร ข้าววันละ 10,000 กล่อง ผมบอกว่าได้ปลาทู ทำได้เร็ว เพราะปลาทูทอดใส่กล่อง ละตัวแล้วมีซอสพริกแบบซอง ใส่ลงไป ก็เป็นอาหารประทังชีวิตได้แล้ว
“คนทำอาหาร มีพ่อครัวประจำมัสยิดเป็นตัวหลักยืนอยู่คนหนึ่ง หุงข้าว มีแม่ครัวร้านอาหารแถวนี้หลายคนมาช่วย พวกของทอด ก็แบ่งหน้าที่กันไป ที่มัสยิดมีหม้อขนาดใหญ่ที่เลี้ยงคนได้ 700 คน ปกติเราก็เลี้ยงคนเยอะๆอยู่แล้ว ผมก็เอาหม้อใหญ่ จากมัรกัสโคกเมามาด้วย ครั้งละ 2 หม้อนี่ก็หุงข้าวตลอด
“อัลฮัมดุลิ้ลล่า เป็นการขอบคุณอัลเลาะห์ ในเหตุการณ์นี้เห็นว่าเมื่อเราขาดแคลน อัลเลาะห์จะส่งมาให้ตลอด แล้วจะลงตัวหมด เรานั่งคุยอยู่ว่าแจกข้าวได้เฉพาะหน้ามัสยิด เพราะไม่มีเรือ ก็มีชุดกู้ภัยแวะเข้ามาพอดี เราก็ถามเขาว่าเป็นไปได้ไหมที่จะเอาข้าวไปส่งให้คนในเมือง จะเป็นชุมชนไหนก็ได้ไม่จำกัดว่ามุสลิมหรือเปล่า เขาก็บอกว่าดีเลยถ้าอย่างนั้น เขาก็เลยแจ้งในเพจกู้ภัยด้วยกันว่าสามารถมารับข้าวที่มัสยิดได้ ผมก็บอกว่าโอเค ถ้าเป็นไปได้ให้โทรมาก่อน เพราะกลัวว่าจะทำให้ไม่ทัน แต่พอเอาเข้าจริงๆ โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ ผมก็เลยบอกว่าจะสต๊อกเอาไว้เลย 1,000 กล่องแต่ละรอบ มาตอนไหนก็ได้
“ที่ผมรู้สึกดีอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อเราขากสต๊อก 1,000 กล่อง ผมก็ประกาศว่าขอจิตอาสา พี่น้องอิสลาม หรือพุทธก็ได้เข้ามาทอดปลา แพ็คอาหารกล่อง เขาก็มาช่วย ทั้งที่เขาก็ประสบภัยมารอรับข้าว แต่เมื่อสต๊อก 1,000 กล่องไม่ครบก็ยังไม่แจก
เขาก็อาสามาช่วย หลายคนเอาเงินมาบริจาค เพราะตอนนั้นเราไม่สามารถใช้ระบบโอนเงินได้เลย ต้องใช้เงินสด บางทีอิหม่ามเองต้องไปที่ที่เรารู้จัก บอกว่า ซื้อของ หลังน้ำลดแล้วอิหม่ามจะมาจ่าย ลงรายการเอาไว้เลย แต่คนไม่รู้จักก็จ่ายเงินสด
“มีช่วงหนึ่งเงินสดที่มีจ่ายหมดแล้วไม่รู้ทำอย่างไรผมก็บอกว่าพี่น้อง คนไหนมีเงินสักหมื่นขอยืมก่อน เพราะเงินสดเราหมด และก็อัลฮัมดุลิ้ลล่า เพราะแป๊บเดียวก็มี คนบริจาคเข้ามา 2พัน 3 พันเราก็ เอาไปใช้ได้ ที่เราบอกว่าต้องขอขอบคุณต่ออัลเลาะห์คือ ทุกช่วงจะมีการช่วยเหลือเข้ามาตลอด ถามว่าเราทำอาหารเหนื่อยมั๊ย เหนื่อย แต่เราเห็นถึงความมีน้ำใจ การช่วยเหลือญาติพี่น้องทำให้เรารู้สึกว่า เมื่อเรามีความตั้งใจดี การช่วยเหลือของอัลเลาะห์ก็จะมาอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
“ต้องขอขอบคุณพระเจ้า เพราะทางอิสลาม สอนว่า ในเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นบททดสอบจากอัลเลาะห์ เมื่อมีบททดสอบมาเราก็มั่นใจว่าถ้าเราผ่านบททดสอบนี้ไปได้จะมีรางวัลจากอัลเลาะห์ มาให้กับเรา ผมก็จะพูดกับชาวบ้านในวันศุกร์ว่า ครั้งนี้อย่ามองเป็นภัยพิบัติ แต่มองเป็นบททดสอบว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ เรามีใจจะช่วยตัวเองอย่างไร มีใจช่วยเหลือมนุษย์คนอื่นอย่างไร มีความสามารถขนาดไหนที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้ เราต้องผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้
“ไม่รู้ว่าเหตุการณ์วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ผมคิดว่ามัสยิดหน้าควน พร้อมจะเป็นครัวให้กับกู้ภัยได้เลย พื้นฐานผมคิดว่าถ้าเรามี ข้าวสาร ไข่ แก๊ส และน้ำ ก็จะทำได้เยอะในช่วงวิกฤติ เราเองได้รับการสนันสนุนจาก กฟผ. ที่อยู่ใกล้เรามาตลอด ตอนนี้ก็ขอว่าให้ต่อไฟสายตรง สำหรับมัสยิด เพราะหากทั้งเมืองถูกตัดไฟ มัสยิดยังสว่างอยู่ มีน้ำ ก็ทำอาหารได้ตลอด เราก็ปรึกษาทาง กฟผ.อยู่ เพราะเราไม่รู้อนาคต สำหรับเราก็พร้อมเป็นครัวให้ชาวบ้านได้”
อิหม่ามฮาวารี หมัดอะหิน
Relate topics
- ฮีโร่ประจำซอย EP3 ผู้กล้าทั้ง 21 คน
- ฮีโร่ประจำซอย EP2 กาละมังสีแดง
- ฮีโร่ประจำซอย EP1 สุภาพบุรุษแกลลอน
- "น้ำใจจากเมืองกรุง"
- ขอบคุณความช่วยเหลือจากขอนแก่น
- ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 เพื่อลงมติพิเศษ
- "iMedCare ธุรกิจเพื่อสังคมดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน"
- "การประชุมสานพลังความร่วมมือด้านที่อยู่อาศัยจังหวัดสงขลา"
- "จัดเลี้ยงแบบบริการตนเอง จ.สงขลา"
- “รถตู้ลดเหลื่อมล้ำ” กำลังจะขยายผล!!















