ฮีโร่ประจำซอย EP2 กาละมังสีแดง

  • photo  , 960x720 pixel , 131,077 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 134,924 bytes.
  • photo  , 960x1280 pixel , 128,742 bytes.
  • photo  , 960x1707 pixel , 234,820 bytes.
  • photo  , 960x540 pixel , 64,161 bytes.
  • photo  , 1477x1108 pixel , 132,772 bytes.
  • photo  , 1477x1108 pixel , 162,631 bytes.
  • photo  , 1477x1108 pixel , 170,185 bytes.
  • photo  , 1477x1108 pixel , 168,060 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 90,082 bytes.

กาละมังสีแดง

โดย ถนอม ขุนเพ็ชร์


“ผมเป็นครูสอนว่ายน้ำที่โรงเรียนวรพัฒน์ หอพักครูโรงเรียน ตอนน้ำเริ่มมา พวกครูราว 10 คนที่อยู่หอพักครูใกล้โรงเรียน มาช่วยกันย้ายของ เอาเครื่องดนตรีไว้บนชั้น M รอบแรกน้ำลดก็สบายใจ เห็นถนนเริ่มสัญจรได้ พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า น้ำเยอะขึ้น บนหน้าเฟสบุ๊คมีคนรายงานว่าหน้าห้างไดอาน่า น้ำสูงกว่าเดิมมาก  เราเดินไปสำรวจหน้าโรงพยาบาลราษฎร์ยินดีที่อยู่หน้าโรงเรียน คืนเดียวน้ำขึ้นมาขนาดนั้น ถือว่าไม่ปกติ”


“เรามีเตาแก๊สที่จะช่วยปรุงอาหาร ของไม่เยอะ แต่ทางโรงเรียนพยายามจะช่วยชาวบ้านรอบโรงเรียน  มาสังเกตว่าสภาพการไหลของน้ำเปลี่ยน  น้ำในคูหยุดนิ่ง  แสดงว่ากระแสน้ำเปลี่ยนทิศ เราก็เริ่มขนของกันอีกครั้ง  มันบ่าเข้าโรงเรียนเลยทีนี้  ดูแล้วเอาไม่ทันแน่  พวกเรารวม 10 คน ที่อยู่ มีพี่สาว พี่อันน่า น้องพ็อง  และคนอื่นๆ  ขนของมารวมกัน หน้าธุรการ เพราะเราคิดว่า บริเวณนี้เคยท่วมแต่ไม่ถึงระดับ 2 เมตร  ตอนขนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไว้ชั้น 3 น้ำเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ  ยังมีบางส่วนในฝั่งเนอสเซอรี่  ยังไม่ได้ขน  ทีมส่วนหนึ่งไปช่วยย้ายรถยนต์อีก ประมาณ 1 ทุ่มน้ำ เข้าใต้อาคารเสาวนีย์  3ทุ่มน้ำเกือบมิดห้องดนตรี ระดับ 2 เมตร”


“ตอนเย็นเราไปช่วยเหล่าซือ ของโรงเรียน มาจากหอพัก  เพราะหอจมมิด  ถ้ามวลน้ำจมประตูด้านล่าง ทางเดียวที่จะ ออกได้คือ หลังคา ไม่สามารถดำน้ำฝ่าประตูออกไปได้  ก็เลยต้องรีบออกไปช่วย  ถ้าเราไม่ช่วยออกมา น้ำไม่มี ไฟไม่มี อาหารไม่มี ก็ลำบากแน่ น้ำบริเวณนี้ท่วมสูงเลยหัวและเชี่ยวกราก  เวลาสามทุ่มน้ำยิ่งแรงมาก  คืนนั้นผมพักอยู่กับเหล่าซือ ในอาคาร ชั้น 2 ของโรงเรียน”


“หัวรุ่งอีกวัน ครูรุ่นน้องที่อาศัยอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนโทรเขามา ขอความช่วยเหลือ เพราะว่า ระดับน้ำสูงขึ้นอีก ระดับน้ำรอบๆ

น้องเป็นครูอนุบาล  เช่าบ้านอยู่ ใกล้โรงเรียน บอกว่าอยู่ ไม่ได้แล้ว  พี่ช่วยหน่อย เราก็ว่ายน้ำจากอาคารเสาวนีย์ ไปที่ กำแพงอีกฝั่งของอนุบาล  เวลาตีสี่ครึ่ง ยังมืด แต่โรงเรียนพอจะมีไฟฉาย  เป็นอุปกรณ์การเรียนวิทยาศาสตร์ กระบอกเล็ก ผมก็คาบไฟฉายออกไป เริ่มว่ายน้ำ ไปปีนกำแพง ที่อยู่ใกล้สระว่ายน้ำ  น้ำเชี่ยวออกถนนไม่ได้ต้องลัดเลาะ ทางข้างบ้านคน  เพื่อไปช่วยน้องเขาออกมา  ระยะทาง ราว 300 เมตร  ในความมืด คาบไฟฉายเพราะต้องใช้มือในการว่ายน้ำด้วย  ตรงไหนที่เดิน ปีนไปได้ ก็พยายามเดิน ฝ่าเข้าไป  เรารู้ตำแหน่งอยู่แล้ว พอเข้าใกล้ก็ตะโกน บอกคนในนั้นทั้งหมดว่า หากต้องการอพยพให้รีบ ลงมา”


“ถ้าไม่ลงมา เมื่อใดที่น้ำดันขึ้นไป ผมไม่สามารถช่วยได้ ถ้าปิดประตู แล้วทางเดียวที่จะช่วยคือหลังคา ประตู จะเปิดไม่ออกแล้ว การต้องดำน้ำไปเปิดประตู ทำได้ยาก ใครถูกน้ำขังอยู่ในห้องชั้นบน ทางรอดเดียวออกต้องเป็นหลังคา ถ้าไม่ทะลุหลังคา อาจจมน้ำเสียชีวิต เหมือนบางกรณีที่พบ กรณีแบบนี้บ้านที่ระบบเพดาน หรือกระเบื้องรื้อได้ง่ายหน่อย อาจปลอดภัยกว่า”

“ตะโกนบอกเลยว่าใครต้องการอพยพให้รีบเตรียมตัว แล้วก็ ออกมา  สิ่งที่น่าสงสาร มีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ในบ้าน  เขาอยากมาด้วย เพราะติดต่อกู้ภัยก็ไม่ได้ แต่เราก็คิดถึงความปลอดภัย ทั้งเขาและเราเองด้วย ผมเลยแจ้งว่าจะพยายามติดต่อกู้ภัยที่มีเรือให้อยู่กับที่ก่อน ถ้าหาวิธีช่วยได้ก็อยากจะช่วย พาชุดที่ช่วยได้ก่อนเข้ามาที่โรงเรียน  เด็กและผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่ง  เกาะบ่าผมมาบ้าง  ขี่คอ กันมาบ้าง  ผู้ชาย ที่ลุยน้ำได้ ก็ช่วยๆกันมา”


“คนติดเตียงที่ เราก็หาวิธีแล้วนึกถึงกาละมังสีแดง ซึ่งเป็นลักษณะกระบะขนาดที่ใช้แทนเรือขนาดย่อมได้ ปกติใช้เป็นอุปกรณ์แผนกเนอสเซอรี่ที่เล่นน้ำของเด็ก ผมก็เลยว่ายทวนน้ำไปที่ประตู 1 ของโรงเรียน เพราะว่าตรงนั้น  ประตูถูกกระแสน้ำพัด  ถูกดันออกมา อุปกรณ์ เหล่านี้จะโดนน้ำพัดเข้าไปฝั่งนั้นหมดเลย  ผมไปหากาละมังสีแดง  มันจะเป็นเรือสำหรับพาคนป่วยติดเตียงออกมา”


“แต่มันจะเสี่ยงสำหรับเขาและเรา  ด้วยกาละมังสีแดงอันนี้ เราคิดแผนว่าจะออกจากโรงเรียนไปทางถนน แต่ว่าทางถนน ไม่สามารถไปได้ ต้องขอเปิดประตู บ้านหลังหนึ่ง เพื่อทะลุออกไป  เพื่อลดแรงต้านของน้ำ เราเอากาละมังสีแดง ผ่านบ้านนั้นเข้าไป ยกผู้ป่วยติดเตียงใส่กาละมัง เอามาที่โรงเรียน  ผ่านจุดเคลื่อนย้ายลำบาก ตรงกำแพงที่ยังโผล่ระดับน้ำ ต้องมีทีมพี่ๆมาช่วยกันยกกาละมังข้ามกำแพง ก็เป็นเรื่องยาอีกขั้น  คนที่มาช่วย ก็เป็นกลุ่มผู้ชายที่มมีความพร้อม เพราะต้องลอยคออยู่ในน้ำได้  ว่ายน้ำออกมา  มีเนิน สูงต่ำ บางจุดเดินได้บ้าง  บางจุดท่วมจมศีรษะ  ผู้ป่วยติดเตียง ยก  ถือกันมาคนละข้าง  เราพาผู้ชายไป 4 คน เพราะว่ากระแสน้ำ แรงมาก เราพยายามเหวี่ยงให้เข้าด้านข้างมากที่สุดเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับคนที่เราช่วย”


“เราช่วยอพยพคนมาอยู่ชั้น 2 ห้องอนุบาล  ของโรงเรียนวรพัฒน์ได้ราว 20 กว่าคน  หลังจากนั้นน้ำเริ่มลดลงระดับเอว  เราเริ่มเห็นชาวบ้านแถวนี้เอาลูกใส่กาละมัง ลอยน้ำอพยพ เห็นก็นึกเป็นห่วงก็เริ่มออกไปช่วยเด็ก พอเราช่วยเด็ก ก็มีสายโทรเข้ามาขอความช่วยเหลือว่ามีชายอายุ80 กว่า ล้มหัวฟาดพื้น หัวแตก ขอชุดทำแผล เราก็บุกกระแสน้ำเชี่ยวไป  แต่ก็ไม่สามารถห้ามเลือดได้  เลยรวมทีมกันอีกครั้ง เอากระบะสีแดง เพื่อนำเขาส่งโรงพยาบาล  เพราะลูกชายลองเดินออกไปโรงพยาบาลแล้ว แต่สู้น้ำไม่ไหว  เราคิดว่าถ้าทิ้งเอาไว้ กว่าน้ำจะลด  ก็ใช้เวลาอีก 1-2 วัน ก็เลยรวมพล เอากาละมังสีแดง นำไปหาหมอ โรงพยาบาลราษฎร์ยินดี  โรงพยาบาลเย็บแผลเสร็จ ไม่ให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องนำตัวกลับอีกรอบ” 


“เรายังพบว่า คนไข้ในโรงพยาบาลก็มีความเครียดมาก ครอบครัวหนึ่งต้องการกลับบ้าน  เพราะลูกเขาไม่มีนมจะกิน  เริ่มขาดแคลนอาหาร เขาบอกว่าต้องฝ่าออกมาให้ได้ เราก็บอกให้เขาใจเย็นก่อน ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย หลังส่ง คุณตาที่หัวแตก แล้ว เราก็เริ่มไปช่วย
ครอบครัวที่ว่า มี เด็กเล็ก แม่เด็ก และพี่ของแม่เด็ก    ให้ เขาลงกาละมัวสีแดงในการขน มาจนถึงจุดที่น้ำไม่ท่วมเราก็ไม่รู้ว้าเขาจะไปต่อย่างไร เขาบอกว่า จะหาทางไปต่อเอง”


“หลังจากนั้น  มีผู้ชายคนหนึ่งมาหา แล้วบอกว่าญาติเขาคนหนึ่ง ในโรงพยาบาบราษฎร์ยินดี อยากกลับบ้าน  อันนี้เราก็เอาแม่กับเด็กใส่กาละมังสีแดง  ผู้ชายสองคนช่วยกันลาก พาเขาออกมา”


“คนที่มาพักที่โรงเรียน  ผู้ชายช่วยกันว่ายน้ำไปเอาเตาแก๊ส หรือหา วัตถุดิบ  ที่เราเตรียมไว้ก่อน มันอยู่ในตู้เย็น แต่มันก็ล้มลอยน้ำ เราก็ต้องตามไปเอาของมา เตาแก๊สต้องไปลากจากที่มันลอยน้ำไป  แค่ทำให้แห้งก็ใช้ต่อได้  โชคดีที่ผมเป็นครูสอนว่ายน้ำจบพลศึกษา มาจากราชภัฏภูเก็ต แล้วมาสอนว่ายน้ำที่นี่เลย

รู้ว่าต้องเอาตัวรอดอย่างไร  แต่การออกไปช่วยคน เราก็ต้องมองความปลอดภัยของผู้ที่เราไปช่วย เราก็ไม่ได้ฝึกการกู้ภัยมา  แค่ใช้วิธีว่ายน้ำ  เรามองความปลอดภัยของคนที่เราจะช่วยเป็นหลัก เพราะว่าเมื่อเราพาคนที่จะช่วยมาคว่ำลงกลางทาง ก็จะเป็นอันตราย กับเขาและเราด้วย ส่วนใหญ่เป็นการทำงานในความมืด และฝนก็ยังตก แม้น้อยลง  โชคดี ที่เรามีไฟฉาย อุปกรณ์การเรียน ที่หาได้ จำนวนหนึ่ง  แบตเตอรี่ เราก็ยังโขคดีกว่าคนอื่น เพราะเรามีแทปเล็ตอยู่ กว่า 100 เครื่องในโรงเรียน  ก็เลยดึงจาก 100 เครื่องมาชาร์ตแบต และกระจาย กันไป เพื่อให้มีแบตเตอรี่สำรองอยู่ตลอด”

“โชคดีที่มีทีมช่วย  เป็นทีมในโรงเรียน เป็นหลัก อย่างที่ไปช่วยคุณตา ที่ล้มลงหัวฟาดพื้น เราก็ไปกัน 2 คน ต้านน้ำไม่ไหว ก็ต้อง ขอแรง ชาวบ้านแถวนั้นมา ช่วย  เพราะถ้าไม่ช่วยก็อันตรายกับเขาและเรา  เอาไม่อยู่ก็อันตรายทั้ง 2 ฝ่าย”


“ช่วยที่นี่เสร็จแล้วผมก็ห่วงคุณลุง  เพราะลุงผมอยู่บางแฟบ  ช่วงแรกติดต่อหาใครไม่ได้เลย  บางแฟบก็หนักมาก  พอน้ำลด2 วัน  ผมพอรู้ข่าวว่าลุงอพยพไปอยู่ มอ. ก็สบายใจ พอน้ำลด  ได้มีของบริจาคมาบ้าง  เก็บรวบรวมบางส่วน  ขี่มอเตอไซค์ พาไปให้ลุง  แล้วก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง น้ำท่วมทางพัง  รถล้ม  ผมบาดเจ็บ เลือดยังไหลอาบ แต่กัดฟันพาของไปให้ถึง กลับมาเย็บแผล 16 เข็มที่โรงพยาบาลราษฎร์ยินดี  หลังจากเย็บแผลก็กลับมาลุยงานโรงเรียนต่อ  โชคดีที่พี่ๆ คอยสนับสนุนผม”


สิทธิชัย ปักษิณ

personมุมสมาชิก

เยือนอเมริกา ดูงานมูลนิธิชุมชน

เยือนอเมริกา ดูงานมูลนิธิชุมชน.

เครือข่าย

เครือข่ายมูลนิธิชุมชน