กระบวนการเรียนรู้เพื่อการพัฒนา
"การเรียนรู้"
เขียนโดย ชาคริต โภชะเรือง
การพัฒนาภายใน ยังถูกนำมาใช้ในการทำงานขององค์กรสาธารณะน้อย โดยเฉพาะองค์กรที่เติบโตมาจากการสนับสนุนของภาคส่วนใดๆก็ตามที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับนโยบายไม่ว่าจากส่วนกลางหรือจากแหล่งทุน สวนมากมักเติบโตเชิงปริมาณ ถูกเร่งให้เกิด และไม่ได้มีการพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานที่ดี
ทุกอย่างจะมีคู่มือ มีแนวทางสำเร็จรูปที่คิดและกำหนดมาจากศูนย์กลางแห่งอำนาจ ที่ไม่ได้รองรับความหลากหลาย แตกต่าง ไม่เข้าใจบริบทพื้นที่ มิติทางสังคม และโครงสร้างที่มีข้อจำกัด และถูกเร่งให้รีบสนองตอบตัวชี้วัดหรือผลผลิตของโครงการ หรือแม้กระทั่งองค์กรที่่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาบ้างแล้ว ถึงจุดหนึ่งก็จำเป็นที่จะต้องทบทวนตัวเอง ถอดรื้อตัวเอง กำหนดทิศทางใหม่ๆตามพลวัตร
สมาคมอสม.กระบี่ชวนให้ไปช่วยพัฒนาศักยภาพกรรมการของสมาคมร่วม ๒๐ ชีวิต นำกรรมการที่มาจากแต่ละพื้นที่ ช่วงวัย๔๐-๖๕ ออกจากพื้นที่หวังจะให้มีกระบวนการมาช่วยทบทวนตัวเอง สร้างการเรียนรู้และพัฒนาภายใน
เริ่มด้วยการทำความรู้จัก สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายเพื่อให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยที่จะร่วมเรียนรู้ได้ด้วยกัน เขียนความคาดหวังเพื่อให้รู้เจตนารมณ์ของทุกคน เริ่มบทเรียนด้วยเรื่องพื้นฐานที่สุดก็คือการฟังอย่างลึกซึ้ง เพราะเชื่อว่าองค์กรจัดตั้งกึ่งราชการนี้ส่วนใหญ่ยังติดยึดรูปแบบผู้นำมากกว่าคณะทำงานที่มีการทำเป็นทีม และการหลอมรวมผู้ที่มีศักยภาพมาอยู่ร่วมกันมักประสบปัญหาไม่ฟังกัน หรือฟังแต่ไม่ได้ยิน
ทุกคนเรียนรู้หลักการพื้นฐานของการสานสนทนา ฝึกแบ่งกลุ่มฟังเรื่องเล่าชีวิตของแต่ละคนที่ตนยังไม่คุ้นเคย การทำงานส่วนใหญ่มักจะเน้นเนื้อหาเรื่องงาน การจัดการ แต่ความสัมพันธ์ในลักษณะความเป็นมนุษย์ยังมีน้อย การได้ฟังเรื่องราวชีวิตแต่หนหลัง จุดเปลี่ยนสำคัญ แรงบันดาล ความประทับใจต่างๆ หากได้ฟังโดยไม่ตัดสิน ไม่แทรก ฟังอย่างมีสติ พร้อมเปิดใจใคร่ครวญตามจนเกิดภาวะการรับรู้อย่างใหม่
ทำซ้ำสองรอบ สลับกับการสะท้อนการเรียนรู้ หลอมรวมกับประสบการณ์การทำงานในอดีต ค่อยๆทำให้ผู้เข้าร่วมรู้จักกันมากขึ้น บวกกับฟังเรื่องเล่าชีวิตของแต่ละคนบอกเล่าผ่านเวทีกลางโดยการจับฉลาก ฝึกทักษะการเล่าเรื่อง และการฟังในเวทีกลางไปด้วย
ใช้หลายเครื่องมือในการทำกระบวนการ ทั้ง Time line การใช้โฟสต์อิสเขียนแทนการบอกเล่า ผลจากการฟังและการเล่าเรื่องเรียนรู้ความหลากหลายบนฐานร่วมก็คือความเป็นจิตอาสา จึงพบว่ากรรมการส่วนใหญ่มาจากพื้นฐานครอบครัวลำบาก ยากจน ต้องช่วยตัวเอง ช่วยครอบครัว มีแรงขับที่จะต้องทำงานเพื่อให้พ้นความลำบาก เมื่อกลับไปอยู่ชุมชนถูกชักชวนมาเป็นอสม.มีโอกาสได้ช่วยคนอื่น พร้อมถูกปลูกฝังอุดมการณ์ ศรัทธาและความเสียสละทำให้แต่ละคนยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้
จากนั้นได้เรียนรู้บุคลิกการทำงานในองค์กรที่มักประกอบด้วยบุคคลหลายประเภท นำไปเปรียบกับกระทิง หนู หมี เหยี่ยว สะกัดพฤติกรรมที่ทำซ้ำของตัวเองผ่านจุดแข็งจุดอ่อนของบุคลิกแต่ละประเภท แบ่งกลุ่มวิเคราะห์ตัวเอง พร้อมแจกแจงสิ่งที่ต้องการบอกให้ขั้วตรงข้ามของตนได้เข้าใจ เกิดการรับรู้ใหม่ การวิเคราะห์บุคลิกการทำงานเช่นนี้จะทำให้เห็นพฤติกรรมของคนในองค์กรชัดเจนมากขึ้น เห็นจุดอ่อนจุดแข็งที่ต่างจะต้องปรับตัวเข้าหากัน มิติภายในเช่นนี้จะทำให้การทำงานในอนาคตขององค์กรเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน
จบด้วยการเปิดใจหลังลองเล่นเกมส์ "หมี(เป็ด)ย้ายรัง" ทดสอบการทำงานเป็นทีมภายใต้สถานการณ์บังคับ เรียนรู้จากการเล่นเกมส์ นำมาสู่การเสนอแนะการทำงานขององค์กรในภาพรวม
ขอบคุณทีมกระบี่ที่ให้โอกาสครับ
Relate topics
- จดหมายข่าวโครงการประชาสังคมร่วมแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงเมือง (SUCCESS) ฉบับที่ 1 - 10
- ก้าวที่ 1 ของ iMedCare ธุรกิจเพื่อสังคมของสงขลา"
- "แผนผังภูมินิเวศ"
- เครือข่าย SUCCESS เมืองควนลังร่วมงานส้มโอเมืองควนลังปี 2567
- "ทีม iMedCare วิถีผู้ดูแลผู้ป่วยที่บ้าน"
- อังกฤษที่ผมเห็น ตอนที่ 11 - 21
- อังกฤษที่ผมเห็น ตอนที่ 1 - 10
- "iMed@home ระบบกลุ่ม"
- สมัชชาสุขภาพจังหวัดสงขลาชูวาระ "พลิกโฉมพลังพลเมืองสงขลาเพื่อสังคมสุขภาวะที่ยั่งยืน"
- กิจกรรมรับบริจาคโลหิตประชารัฐสงขลาประจำเดือนตุลาคม 2567