เรื่องเล่าชีวิตติด CI

  • photo  , 1080x808 pixel , 91,923 bytes.
  • photo  , 843x1127 pixel , 86,377 bytes.
  • photo  , 480x907 pixel , 47,477 bytes.
  • photo  , 960x718 pixel , 81,409 bytes.
  • photo  , 1532x2048 pixel , 166,636 bytes.
  • photo  , 960x718 pixel , 96,684 bytes.
  • photo  , 960x718 pixel , 90,257 bytes.
  • photo  , 960x718 pixel , 103,902 bytes.
  • photo  , 960x1283 pixel , 114,046 bytes.

ชีวิต ติด CI ตอนที่ 1  (วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565)

หลังจากเมื่อวาน เจ้าหน้าที่ตรวจ ATK ซ้ำให้อีกรอบ แล้วผลออกมา 2 ขีด แบบ "ท้องไม่มีพ่อ" เจ้าหน้าที่นัดให้มารวมตัวกันที่โรงพยาบาลในวันนี้ตอนบ่ายโมง เก็บเสื้อผ้า หิ้วกระเป๋า ตระกร้า ชะลอม เชี่ยนหมาก พร้อมการกักตัว 10 วัน ตามการแนะนำของเจ้าหน้าที่ ขึ้นท้ายรถกระบะอุบัยมาเททิ้งไว้ที่โรงพยาบาล กรอกเอกสารข้อมูลแบบฟอร์มคำยินยอมต่าง ๆ รับยาของใครของมัน (ในซองยาประกอบด้วย favipiravir Tylenol 500 ยาแก้ไอ และยาลดน้ำมูก-คัดจมูก) แล้วก็ขึ้นรถพยาบาลเข้าสู่โรงแรมที่เป็น CI

ที่ CI เจ้าหน้าที่จะไม่คุยกับผู้ป่วยโดยตรง เราคุยกันผ่านกระจกและเครื่องเสียง เช็คชื่อ ถ่ายรูปเซลฟี่คู่กับบัตรประชาชน สแกนเข้ากลุ่มไลน์ตามชั้นที่ได้เข้าพัก รับกุญแจห้อง รับอุปกรณ์ประจำกาย เครื่องวัดออกซิเจนในเลือดและปรอทวัดไข้ เราได้สวรรค์ชั้น 7 เด็ดจริง ๆ เพราะลิฟท์เสีย ต้องเดินหิ้วกระเป้าเสื้อผ้า ของกิน คอมพิวเตอร์ น้ำหนักร่วม 15 โลขึ้นบันได มีเพื่อนร่วมห้องอีก 1 คน ไม่รู้จักกันมาก่อน ที่นี่ใครมาเป็นคู่หรือเป็นคี่ รู้จักกัน บอกได้ เค้าจะได้จัดให้พักห้องเดียวกัน

มาถึงก็ต้องวัดความดัน ที่เครื่องมักจะ erer ทุก 5 นาที (เครื่องใช้งานหนัก เสมือนผ่านสงครามโลกมา) วัดอุณหภูมิ วัดค่าออกซิเจนในเลือด ทุกวัน เช้าและเย็น วันละ 2 รอบ ส่งให้เจ้าหน้าที่ทางไลน์ วันแรกอาจมีคุณหมอโทรมาซักถามอาการเบื้องต้นทางโทรศัพท์ แต่วันต่อๆ หากมีอาการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น ถ้าต้องการติดต่อคุณหมอต้องโทรหาเอง หรือประสานทางไลน์

ที่นี่ไม่ต้องกลัวอดอยาก อาหารมาส่งตรงเวลาครบ 3 มื้อ แต่คุณภาพของอาหารและรสชาติ อาจต้องทำใจ แบบกินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็เททิ้งไป 5555 เพราะเลือกอะไรไม่ได้ ใครติดขนมนมเนย ติดชา กาแฟ มาม่า สามารถพกพามากินเองได้ ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ อยากกินอะไรพกพามาเลย เพราะเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สั่งอาหารจากไรเดอร์ทุกรูปแบบ ไม่อนุญาตให้มีคนนำอาหารมาให้ อยากกินอะไร ต้องขนมาให้ครบ 10 วัน

ใครยังมีงานคั่งค้าง สามารถขนงานมาทำได้ ขนคอมพิวเตอร์มาได้ แต่อินเตอร์เน็ตโรงแรมอาจจะช้าหน่อย ส่งงานไม่ทันใจ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย เพราะการอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ อาจทำให้คุณเครียดได้ ต้องหาอะไรทำ เราสามารถเดินเล่นในตึกได้ เพราะทั้งตึกมีแต่ผู้ป่วย แต่จะไปเดินขึ้นเดินลงบันไดทำไมให้เหนื่อย นอนตากแอร์ในห้องดีกว่าเยอะ อย่างน้อยก็มีทีวี มีอินเตอร์เน็ตติดต่อเพื่อฝูงภายนอกได้

มื้อแรกกับยาฟาวิ 9 เม็ด ตอน 20.00 น. โชคดี เม็ดไม่ใหญ่มาก กลืนรอบเดียวหมด 555 แล้วก็มียาสมุนไพรที่พี่ ๆ เค้าฝากมาให้อีกถุงใหญ่ กว่าจะได้ออกไปคาดว่า ยาทุกตัวจะต้องกินให้หมด แบบไม่ต้องกินข้าวกันเลย เพราะอิ่ม วักแรก ๆ ก็ยังบันเทิงดีหรอก ค่อยดูวันต่อ ๆ ไปแล้วกัน


ชีวิต ติด CI ตอนที่ 2 (วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565)

ผ่านไป 2 คืน เข้าสู่วันที่ 3 ของการย้ายบ้านมาอยู่ CI ชีวิตที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย

กิจวัตรประจำวันของคนที่นี่ ก่อน 8 โมงเช้า และก่อน 6 โมงเย็น ต้องวัดความดันโลหิต วัดอุณหภูมิ และวัดค่าออกซิเจนในเลือด ส่งให้เจ้าหน้าที่ทางไลน์ เพื่อเช็คอาการ ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาทุกครั้ง คือ OK

มาอยู่ 3 วัน ไม่มีอาการอะไร ไม่มีไข้ วัดที่ไร กลายเป็นสัตว์เลือดเย็นเกือบทุกที่ อุณหภุมิไม่เคยเกิน 36 องศา ไม่ไอ ไม่เจ็บคอ ออกซิเจนในเลือดดีมาก มีแต่อาการคัดจมูก เพราะแพ้แอร์ จามเพราะแพ้ฝุ่นในห้อง ที่คาดว่า แม่บ้านไม่มีเวลาทำความสะอาดมากนัก เพราะต้องรีบรับผู้ป่วยคนต่อไป คิดดูว่า มีคนใช้ 10 วัน หรืออาจจะมากกว่านั้น ในกรณีที่คนไข้มาไม่พร้อมกัน  โดยไม่มีการทำความสะอาดเลย จนกว่าจะออก และมีเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ก่อนคนใหม่จะมาในช่วงบ่าย วันแรกที่มาถึง เราเลยต้องใช้ทิชชูเปียกถูพื้นห้อง เพราะเท้าดำปี๊เลย

อยู่ที่นี่ แทบไม่มีอะไรทำ นอกจากการ กิน นอน ร้อน อาบน้ำ (อาบทำไมก็ไม่รู้ แทบจะไม่ได้ออกจากห้องสี่เหลี่ยม ขนาด 4 x 6 เมตร ไปไหนเลย)

กลางวันว่าง ทำงานได้ ตอบไลน์ได้ ตอบแชทได้ เลยทำให้รู่ว่า ตอนนี้มีคนติดโควิดจำนวนมาก กำลังหาสถานที่เข้ารีบการรักษาตัว อยากเข้ามาอยู่ CI เพราะเข้าใจว่า จะได้รับการดูแลรักษาอย่างดี มีคนดูแลเอาใจใส่ ติดตามเฝ้าไข้ไม่ห่าง ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด ใครติดโควิด สามารถดูแลตัวเองที่บ้าน สามารถแยกตัวออกจากคนที่บ้านได้ มีห้องน้ำ ห้องนอนปรับ อยู่บ้านเถอะค่ะ  สะดวกสบายกว่ากันเยอะ

HI ดีกว่า CI อย่างไร ในกรณีคุณอยู่ในกลุ่มสีเขียว (แข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อยู่ในกลุ่ม 608)
อาหารการกิน อยู่บ้าน คุณอยากกินอะไร ร้านไหน สั่งได้ ให้เพื่อน ให้ญาติ ให้คนในบ้าน เอามาวางไว้ให้ที่หน้าห้องได้ เมนูเลือกได้ตามใจ ไม่ซ้ำซาก น่าเบื่อ ในขณะที่ CI อาหารมีคนมาวางไว้ให้หน้าห้อง 3 เวลา เมนูตามใจคนทำ ไม่มีสิทธิ์เลือก ไม่มีสิทธิ์บ่น ไม่มีสิทธิ์บอก กินอะไร ไม่กินอะไร กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ทิ้ง ต้องพึ่งพาขนมนมเนยที่พกพามา ยิ่งอยู่นาน คุณจะยิ่งเบื่ออาหารกล่อง หรือถ้าใครอยากลดความอ้วนด้วยการอดอาหาร ก็ได้ ไม่เป็นไร

เสื้อผ้าหน้าผม อยู่บ้าน ใช้เสื้อผ้าของตัวออก เลือกใส่ได้ตามแฟชั่น ซักรีดผ้า สามารถทำได้ แต่งหน้าทาปากให้แดงถึงปากซอยก็ได้  เผื่อมีคนมาหา แบบอยุ่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ใน CI ขนเสื้อผ้ามาแค่ไหน ใส่แค่นั้น จัดสรรให้ใส่ได้จนครบ 10 วัน บางแห่งซักล้างไม่ได้ อย่างที่เราอยู่ ในตึก ไม่มีระเบียง ซักแล้วไม่รู้จะเอาไปตากที่ไหน เลยต้องขนมาแบบเหลือเฟือ กระเป๋าใบโต

ห้องพัก อยู่บ้านตัวเอง ที่นอนตัวเอง อุ่นใจกว่าเยอะ สบายใจกว่าเยอะ ลดภาวะเครียดได้นะ  ใน CI ถึงจะเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว แต่มันก็แค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แคบ ๆ มีแค่เตียงนอน หมอน ผ้าห่ม  กับข้าวของที่เราขนมา มีเครื่องใช้ไฟฟ้าให้นะ ทีวี ตู้เย็น (เสีย ใช้งานไม่ได้ ตั้งไว้ประดับห้อง) กับกาต้มน้ำร้อนอีก 1 ใบ อยากได้อะไรเพิ่มก็เรียกร้องกับใครไม่ได้ ให้คนซื้อมามาให้ก็ลำบากหน่อยนะ เจ้าหน้าที่เค้าห้าม

ยารักษาโรค อย่าคิดว่า อยู่ CI ใกล้หมอ  ใกล้พยาบาลแล้วจะได้ยา มากกว่าคนอยุู่บ้านนะ ที่นี่เราได้แค่ favipiravir ที่กินวันแรกมื้อละ 9 เม็ด ที่เหลือกินวันละ 4 เม็ด เช้า เย็น อีก 4 วัน กับไทลินอล 500 ยาแก้ไอแบบเม็ด และยาลดน้ำมูก อยากได้ยาลม ยาอม ยาหม่อง น้ำมันหอมระเหย ฯลฯ ต้องซื้อหามาเองตั้งแต่แรกเข้า หรือต้องแจ้งพยาบาลเพื่อให้คนเอามาให้เพิ่ม ซึ่งเค้าก็บอกอยู่ว่า ไม่อนุญาตให้ญาติมาหา ถ้าไม่จำเป็น

เพื่อน อยู่บ้าน คุณสามารถพูดคุยกับคนในบ้าน เพื่อน ผ่านประตูห้องนอน ผ่านกำแพงบ้าน รั้วบ้านได้ (แต่ต้องใส่แมสตลอดเวลานะ ระหว่างพูดคุย) ยังได้เห็นหน้าคน เห็นโลกภายใน พูดคุยซักถามอาการ ซักถามความเป็นอยู่  แต่ใน CI คุณจะเจอแต่หน้าเพื่อนร่วมห้องคนเดิม เช้า สาย บ่าย เย็น ยิ่งถ้าเป็นคนไม่รู้จัก วัน ๆ แทบจะไม่ได้คุยกันเลย เพื่อนร่วมชั้น ร่วมห้องอีกนับร้อย ก็ไม่ได้เจอ เพราะส่วนใหญ่ ห้องใครห้องมัน ของเรา 3 วัน ได้เพื่อนร่วมห้องคนที่ 2 แล้ว คนแรกสามีติดโควิดเพิ่มเลยได้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน

ชีวิตใน CI 10 วัน  คุณต้องใช้ชีวิตเหมือนคนติดห้อง ออกไปไหนไม่ได้ มองการใช้ชีวิตของคนอื่นผ่านหน้าต่าง (ถ้าตึกสูงพอให้เห็นโลกกว้างนะ) ขนาดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ในตึกตรงกันข้าม ยังสั่งมากินไม่ได้เลย  หากติดโควิด เลือกได้ อย่าติด CI ไปติด HI ดีกว่า แต่ถ้าให้ดีกว่านั้น อย่าติดโควิด ดีที่สุด 555 เพราะคุณจะได้ไม่ต้องเลือกติดอะไรเลย


ชีวิต ติด CI ตอนที่ 3 (วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565)

คาดว่าจะมีคนรออ่าน 555 แต่เรื่องนี้ต้องใช้ประสบการณ์ตรงก่อน แล้วสอบถามข้อมูลจากผู้รู้ ถึงจะมาเผยแพร่ได้

ติดโควิด ต้องได้กินยารักษาเยอะแน่ ๆ

ติดโควิด ต้องมียารักษาเฉพาะ กินแล้วหาย

ติดโควิด เข้า CI อยู่ใกล้หมอพยาบาล ต้องได้ยาดี ได้ยาเยอะ

หลายคนคงคิดแบบนี้ จึงพยายามที่เข้าเข้ารักษาตัวใน CI ปฏิเสธการดูแบบ HI มาเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ติดโควิด ติด CI ได้กินยาอะไรบ้าง

เมื่อเปิดถุงยา คุณอาจตกใจ เพราะยาที่คุณได้ กับยาที่คุณคิด อาจไม่ตรงกัน

ตัวแรก FAVIPIRAVIR 200 mg TAB เป็นยาต้านไวรัส มีดอกจัน บอกว่า จำเป็นต้อง กินยาติดต่อกันจนหมด  กินยังไงละ

กินครั้งละ 9 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง (ในวันที่ 1 ของการเข้ารับการรักษา)

กินครั้งละ 4 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง (ในวันที่ 2-5 ของการเข้ารับการรักษา)

favi จ่ายยาตามน้ำหนัก หากน้ำหนักมากกว่า 90 กก. วันที่ 1 ของการรับยา จะได้ 12 เม็ด วันที่ 2-5 จะได้ 5 เม็ด กรณีผู้ป่วยเด็ก ต้องคำนวณขนาดยาตามน้ำหนัก

ถามหมอมาเรื่องผลของยาฟาวิ แต่ไม่บอกว่าหมอคนไหน อิ อิ หมอบอกว่า "เอาจริง favi ก็ไม่ได้มีผลที่ดีอะไร แต่ สาธา เราให้กิน มีก็กิน ไม่มีหรือยังไม่ได้ กินฟ้าทะลายโจรไปก่อน" หมอบอกเรา แต่ทำไมไม่บอกสังคม ปล่อยให้คนเขากังวลเรื่องยากันอยู่ ไม่เข้าใจ??????

ตัวที่ 2 TYLENOL 500 mg TAB เป็นยาลดไข้ แก้ปวด ก็พาราเซตามอล ที่เรารู้จักนั้นแหละ จะรักษาอยู่บ้าน หรืออยู่ CI ก็ได้เหมือนกัน อยู่บ้านเราเลือกที่ถูกโฉลกกับเราได้ด้วยนะ จะเอาแบบเม็ดกลม เม็ดรี ให้สะดวกต่อการกลืน 555

ตัวที่ 3 DEXTROMETHORPHAN 15 mg TAB  เป็นยาแก้ไอ กินแล้วอาจง่วงนอน กินเมื่อมีอาการไอ ไม่ไอ ไม่ต้องกินก็ได้ เรื่องอาการไอ หมอบอกว่า "เวลาไอ อาจจะมี SECRETION ด้วย แบบระคายเคือง อย่าเพิ่งใช้ DEXTRO ช่วงแรก ไม่แนะนำ DEXTRO มันไอแบบ มี SECRETION

(อ้าว หมอ ก็โรงพยาบาลเค้าจัดให้มา แต่หมอไม่แนะนำ ทำไงละกู)

ขอแนะนำ ยาน้ำมะขามป้อม ดีมาก ชุมคอ เพราะคนเป็นโควิดจะแสบคอมาก ๆ พอได้ยาน้ำ จะ OK มาก ๆ อาการเจ็บคอ จะเจ็บเหมือนมีดบาด ใช้ KAMILOSAN พ่น จะดีมาก ๆ ผ่อนหนักเป็นเบา ถ้าไอแบบไม่มี SECRETION  สามารถใช้ยาแก้ไอน้ำดำได้"

หมอบอกว่า "จะรู้สึก มีน้ำมูกไหลตลอดในช่วงแรก หายใจยาก ไม่ใช่เพราะปอดบวมนะ (Oxygen set มากกว่า 94 ตลอด) แต่เป็นเพราะ เยื่อจมูก กับ หลังคอบวม แนะนำ actifed zuridine ง่วง ๆ ดีเลย ระวังเรื่องใจสั่นนะครับ แนะนำคนไข้ด้วย กินแบบ prn ตามอาการ

มานอน CI เค้าไม่มีให้ แต่เราเตรียมพร้อม พกมาเอง ยาเม็ดที่เค้าให้มา เลยไม่ได้ใช้ตามคำแนะนำของหมอ ถ้าอยู่ที่บ้าน ก็ให้ใครซื้อมาให้กินเองได้เลย

ตัวที่ 4 MEDITAPP TABLET เป็นยาลดน้ำมูก ลดอาการคัดจมูก กินหลังอาหาร 3 มื้อ กินเวลามีน้ำมูก
เห็นมั้ย ได้มาแค่นี้ รักษาที่ไหน ก็น่าจะได้ยาเหมือนกัน อยู่ข้างนอก อาจจะได้ดีกว่านี้ เพราะสามารถหายาลม ยาอม ยาหม่อง น้ำมันเขียว น้ำมันเหลือง น้ำมันกัญชา ยาสมุนไพร มาดูแลรักาาอาการเองได้

โชคดี เราเป็นคนเตรียมพร้อม พอตรวจปุ๊บ ท้องไม่มีพ่อปั๊บ จับยาเลยค่ะ อันไหนที่จำเป็นต้องใช้ ยาแก้ไอมะขามป้อม น้ำมันเหลือง ฟ้าทะลายโจร สเปย์ กัญชา แถมพี่เจี๊ยบยังใจดี เอาสมุนไพรเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันไวรัส มาแขวนไว้ให้หน้าบ้านเป็นกระสอบ (ซึ่งตอนนี้กินป้องกันไม่ทันแล้ว ต้องกินรักษาอย่างเดียว 555) ดูจากส่วนผสมแล้ว น่าว่าไวรัสคงตกใจน่าดู ทั้ง ยาห้าราก ยาเบญกูล หนุมานประสานกาย ตรีผลา ฟ้าทะลายโจร ลูกใต้ใบ ออกมาจาก CI ชั้นต้องได้เป็นเจ้าแม่สมุนไพรแน่นอน อิ อิ

อยากบอกว่า จะรักษาตัวที่ไหน แบบไหน ไม่ต้องตกใจ โควิดสำหรับคนป่วยสีเขียว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ที่เค้าให้เราแยกตัวออกมา เพราะเราคือพาหะในการแพร่เชื้อไปหาคนที่คุณรัก คนที่อ่อนแอกว่า คนที่เป็นโรค แต่ถ้าคุณสามารถรักษาตัวเองที่บ้านได้ ก็ทำเถอะคะ ก็ในเมื่อยาหากินได้เอง แค่สังเกตอาการตนเอง แล้วรักษาตามอาการ เพราะเรารู้ว่า เราถูกกับยาแบบไหน ยี่ห้อไหน มากกว่าซะอีก

ไม่รู้ว่า CI ที่อื่นเป็นแบบไหนนะ แต่เขียนจากสิ่งที่ตัวเองเจออยู่ในขณะนี้เท่านั้น ถ้าไม่ใช่ตามนี้ ก็อย่าด่าเยอะ คิดโควิดแล้ว ติด CI แล้ว น่าสงสารพอแล้วเนอะ


กัญนภัส จันทร์ทอง บันทึกเรื่องราว

personมุมสมาชิก

เยือนอเมริกา ดูงานมูลนิธิชุมชน

เยือนอเมริกา ดูงานมูลนิธิชุมชน.

เครือข่าย

เครือข่ายมูลนิธิชุมชน